วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การกล่าวคำขอโทษ (Apology)


1.Excuse me. ขอโทษค่ะ

2.Excuse me please. ขอโทษค่ะ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะตอบว่า Certainly. ไม่เป็นไรครับ
แต่ถ้าหากทำให้เขาได้รับความเดือดร้อนมากกว่านี้ก็ควรกล่าวคำขอโทษว่า 1.I beg your pardon. ฉันขอโทษอย่างแรงเลยค่ะ/ขอประทานโทษค่ะ
2.I'm very sorry. ฉันเสียใจมากค่ะ
3.I'm awfully sorry. ฉันเสียใจมากเลยค่ะ
4.I'm terribly sorry. ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งเลยค่ะ
คำตอบสำหรับประโยคเช่นนี้ก็คือ
That's quite all right. ไม่เป็นไรครับ
ถ้าหากความผิดพลาดนั้นรุนแรงขึ้นอีก เช่น ทำให้เขาผิดหวัง หรือเสียใจ ก็ควรใช้ประโยคเหล่านี้ เช่น
1.I must apologize for not calling you yesterday. ฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้โทรไปหาคุณเมื่อวานนี้
2.Will you please forgive me for being late? โปรดให้อภัยฉันด้วยสำหรับการมาช้าค่ะ
3.Excuse me for being late. ขอโทษที่มาสายค่ะ
4.Sorry to have kept you waiting. เสียใจที่ทำให้คุณต้องคอย
ประโยคที่มีเนื้อความในทำนองขออภัยสำหรับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น
1.Excuse me for a moment. ขอโทษค่ะ โปรดรอสักครู่
2.Excuse me for interrupting. ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะ
3.I'm sorry to have troubled you. ฉันเสียใจที่ต้องรบกวนคุณ
4.Please forgive me, I won't do it again. โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
5.Really I don't mean to hurt you. ความจริงแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดใจคุณเลย
คำตอบสำหรับการยกโทษให้ก็คือ
1.Don't mention it. ไม่ต้องเอ๋ยถึงหรอกค่ะ
2.It wasn't your fault. มันไม่ใช่ความผิดของคุณ
3.It's nothing at all. ไม่เป็นไรเลยค่ะ
4.It doesn't matter. ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
5.Don't worry about it. อย่ากังวลไปเลยค่ะ

*** กรณีที่เขาเหยียบเท้าเรา หรือเดินชนเรา และถ้าเขาขอโทษเราแล้ว เราก็อาจจะตอบว่า Never mind. ไม่เป็นไรครับ

ตัวอย่างบทสนทนา
A : I'm sorry to have kept you waiting, but today's traffic was very bad indeed.
B : Don't worry about it. We still have plenty of time.
A : Let's go then.

การกล่าวคำขอโทษถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องของมรรยาทสังคมควรปฏิบัติ และความผิดพลาดตกหล่นนี้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา เช่นเราเดินไปชนใคร หรือทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดลำบาก เราก็จะพูดว่า


ไม่มีความคิดเห็น: